ปู่จิง การบำรุงจิง การบำรุงไต ชลอวัย และเพื่อให้มีชีวิตที่ยืนยาวแข็งแรง

ปู่จิง : การบำรุงจิง/การบำรุงไต

ในทัศนการแพทย์จีน จิง คือ สารจำเป็นสำหรับการดำรงชีวิต หรือเรียกว่าสารชีวิตที่เป็นของเหลว ซึ่งเป็นวัตถุพื้นฐานที่ช่วยให้ร่างกายมีการเจริญเติบโต มีการพัฒนาการดำเนินชีวิตทุกประการ ซึ่งรวมถึงเลือด ลมปราณ ของเหลวในร่างกาย สารอาหารและฮอร์โมนเป็นต้น

จิง มี 2 ประเภทคือ

1. จิงก่อนกำเนิด (ก่อนคลอด) จะได้รับการถ่ายทอดจากบิดามารดามาเก็บสะสมไว้ที่ไต ซึ่งมีกำเนิดมาพร้อมกับร่างกาย

2. จิงหลังกำเนิด ได้มาจากสารอาหารที่รับประทานเข้าไปแล้วถูกย่อยโดยกระเพาะและลำไส้เล็ก สารอาหารที่ถูกย่อยแล้วจะถูกส่งไปที่ม้าม ซึ่งม้ามมีหน้าที่ (ควบคุมการย่อย ดูดซึมอาหารและน้ำ) แยกจิงที่ใสมีประโยชน์แก่ร่างกายส่งไปเลี้ยงอวัยวะภายใน จึงเรียกจิงว่าสารชีวิตของอวัยวะภายใน จิงที่เหลือจากการหล่อเลี้ยงอวัยวะภายในจะเก็บสะสมไว้ที่ไต ส่วนสารอาหารที่ขุ่นข้นจะถูกส่งไปที่ลำไส้ใหญ่และถูกขับเป็นอุจาระออกจากร่างกาย .... จิงก่อนกำเนิด และหลังกำเนิด จะมีการเพิ่มเติมให้แก่กันและกันอยู่ตลอดเวลา .... สมุนไพรสำคัญ 3 อย่างสำหรับการบำรุงจิง คือ เก๋ากี้ พุทราจีน และเส็กตี่ เรามาดูคุณสมบัติของสมุนไพร 3 อย่างนี้ตามหลักองค์รวมที่ผสมผสานองค์ความรู้การแพทย์จีนและวิทยาศาสตร์ ปัจจุบันดังนี้

Wolfberry Fruit (เก๋ากี้)

บำรุงสายตา ช่วยในการมองเห็น บำรุงตับและไต เก๋ากี้ ช่วยเรื่องของสรรพคุณ anti-aging รวมทั้งการปรับพลังงานช่วยในเรื่องการมองเห็นได้ดีขึ้น และช่วยบำรุงสุขภาพตับและไต และยังพบว่าเก๋ากี้นั้นมีสารอาหารต่างๆ มากมายที่ช่วยการทำงานของเซลล์ และอวัยวะได้แก่ betaine, vitamin A, B1, B2 C, calcium, phosphorus, iron, zeaxanthin, physalein and linolein acid จากการศึกษาพบว่าสารสกัดจากเก๋ากี้ ช่วยยับยั้งการสะสมไขมันในเซลล์ ช่วยในการเกิดใหม่ของเซลล์ตับ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด และลดความดัน นอกจากนี้ยังมีผลช่วยสร้างเม็ดเลือดให้แข็งแรง ปรับปรุงเซลล์เม็ดเลือดขาว เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ช่วยระบบเจริญพันธุ์ ป้องกันอาการคลื่นไส้ของหญิงมีครรภ์ ลดอาการอักเสบและโรคไขข้ออักเสบ เพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อกระดูก ช่วยให้เหงือกแข็งแรง ปรับปรุงระบบการย่อย ป้องกันโรคภูมิแพ้ ลดความเครียด ลดอาการปวดศีรษะ ช่วยในการนอนหลับ ช่วยในเรื่องความจำ

Zizphus Fruit (พุทราจีน)

พุทราจีนใช้อย่างกว้างขวางในศาสตร์การแพทย์แผนจีน มีสรรพคุณในการเป็นยาบำรุงเลือดและบำรุงร่างกาย เนื่องจากภายในผลของพุทราจีนนั้น จะประกอบไปด้วยวิตามินซีอยู่เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ก็ยังมีโปรตีน น้ำตาล และวิตามินบี-2 ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมนุษย์ ผลจากการวิจัยพบว่า ผู้ที่รับประทานผลพุทราจีนเป็นประจำ จะสามารถหลีกเลี่ยงต่ออาการผนังเส้นเลือดแข็งตัว ผนังเส้นเลือดหัวใจตีบตัน หรือเส้นเลือดในสมองแตก การมีปริมาณคอเลสเตอรอลภายในร่างกายสูง เนื่องจากสารเพคทิน (Pectin) ในพุทราจีนจะช่วยจับโลหะหนักที่ตกค้างในร่างกายและลดคลอเลสเตอรอลได้ นอกจากนี้เมื่อนำพุทราจีนไปใช้ร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่นนั้นก็จะช่วยเพิ่ม ประสิทธิภาพของสมุนไพรชนิดนั้น ปรับปรุงการไหลเวียนเลือด อาการหงุดหงิด ลดความดัน และทำให้ชีพจรเต้นเป็นปกติ

Rehmannia Root (เส็กตี่)

เส็กตี่ หรือ Chinese foxglove เป็น Top of Kidney Tonics ที่ใช้ในแพทย์แผนจีนมีสรรพคุณช่วยบำรุงไตให้ชุ่มชื้นมีประโยชน์ต่อผู้ที่มี พลังไตอ่อนแอ นอกจากนี้เส็กตี่ยังช่วยในการบำรุงเลือด ดังนั้นจึงมีผลทำให้อายุยืน อ่อนกว่าวัย และยังใช้เป็นยาบำรุง ลดความดันในเลือด ขับปัสสาวะ ลดระดับน้ำตาลในเลือด มีฤทธิ์ระบาย แก้ร้อนใน ลดระดับคลอเลสเตอรอล บำรุงโลหิต ชะลอความแก่ ช่วยทำให้มดลูกอุ่น ทำให้ประจำเดือนมาเป็นปกติและเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับอวัยวะสืบพันธุ์ ทั้งหญิงและชาย

"PU JING TUN"

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ลิวิตานูตริคส์ "ปู่จิงตัน"

เพื่อชีวิตที่ยืนยาวอย่างแข็งแรง และชะลอความแก่ เนื่องจากจิง-ชี่ จากไตเป็นพื้นฐานในการค้ำจุนการดำเนินชิวิตมนุษย์ โดยปกติไตจะเสื่อมลงตั้งแต่อายุ 30 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นความเสื่อมตามธรรมชาติที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แต่มีปัจจัยที่เร่งให้ไตเสื่อมก่อนวัยอันควร เช่น กรรมพันธุ์ มีเพศสัมพันธ์มากเกินควร ประสบอุบัติเหตุ ทำงานหนักเกินไป มีความเครียดสะสมเรื้อรัง พักผ่อนไม่เพียงพอ ผลกระทบจากโรคเรื้อรังต่างๆ ผลกระทบของมลพิษจากสิ่งแวดล้อม ผลข้างเคียงจากการใช้สารเคมี การใช้ยาต่างๆ เช่น ยาปฎิชีวนะ ยาลดความอ้วน ยาคุมกำเนิด เป็นต้น อาหารที่มีรสจัดต่างๆ เกลือ ผงชูรส และสารพิษตกค้างในอาหารต่างๆ เช่นยาฆ่าแมลงที่ตกค้างในผักผลไม้

การดูแลภาวะไตอ่อนแอแบบองค์รวม เราควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันให้ถูก สุขลักษณะ เช่น การออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารสะอาด ปลอดสารพิษสะสม ไม่รับประทานอาหารรสจัดมาก เช่น เค็มมาก นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ทำจิตใจให้เบิกบาน ผ่องใส เป็นต้น และควรจะดูแลไตตั้งแต่เนิ่นๆ ตั้งแต่อายุ 30 ปีขึ้นไป เนื่องจากภาวะไตอ่อนแอมักจะก่อตัวช้าๆ และเรื้อรัง จนเราคุ้นเคยกับอาการที่ผิดปกติไป หากรอจนผลการตรวจการทำงานของไตตามแผนปัจจุบันว่าไตผิดปกติ ก็จะต้องรอจนกว่าไตเสียหายมากไปกว่า 70% แล้วจึงจะแสดงค่า BUN และ Creatine ที่ สูงขึ้น จึงทำให้คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดไปว่า ถ้าผลตรวจการทำงานของไตปกติ ก็แสดงว่าไตยังแข็งแรงอยู่ทั้งๆที่ไตอาจเสื่อมไปมากแล้วก็ได้

ดังนั้น นับแต่โบราณกาลเป็นต้นมา ชาวจีนถือ "การบำรุงไตเป็นสำคัญ" โดยการบำรุงจิง (สารสำคัญทีเกี่ยวข้องกับการเจริณเติบโต การสืบพันธุ์และภูมิต้านทานของร่างกาย หรือเรียกสั้นๆ ว่า สารชีวิตหรือสารจำเป็นในร่างกาย) เพื่อการชลอวัยให้ร่างกายอยู่ในถาวะหนุ่มสาวยาวนานที่สุด และเพื่อให้มีชีวิตที่ยืนยาวแข็งแรง